- Fluoride -
สำหรับคำว่าฟลูออไรด์เรียกได้ว่าเป็นคำที่ทุกท่านก็คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แต่เชื่อว่ามีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่า ฟลูออไรด์มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟันอย่างไรบ้าง ซึ่งบทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จัก ฟลูออไรด์คืออะไร ทำไมต้องเคลือบ ฟลูออไรด์ แล้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพฟันอย่างไรบ้าง และการเคลือบฟันด้วยฟลูออไรด์เหมาะกับใครบ้าง บทความนี้มีคำตอบให้กับทุกท่านตามไปดูกันเลย
สรุปหัวข้อสำคัญ ฟลูออไรด์
มาทำความเข้าใจกันก่อน ฟลูออไรด์ คืออะไร
ฟลูออไรด์คือแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่สามารถพบเจอได้ตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ดิน หิน น้ำ โดยเฉพาะในบาดาล และยังสามารถพบได้ในอาหารบางอย่าง อาทิ ใบชา อาหารทะเล ผัก และเนื้อสัตว์ ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งฟลูออไรด์มีคุณสมบัติสุดพิเศษที่สามารถช่วยป้องกันสุขภาพฟันได้เป็นอย่างดี
การเคลือบ ฟลูออไรด์ คืออะไร
การเคลือบฟลูออไรด์ เป็นการใช้ฟลูออไรด์ความเข้มข้นสูง เช่น ฟลูออไรด์แบบเจล หรือ ฟลูออไรด์วานิช ซึ่งจะมีการนำมาเคลือบไว้บริเวณผิวฟันที่ได้ขัดฟันหรือแปรงฟันมาสะอาดแล้วเพื่อส่งผลให้ฟลูออไรด์สามารถสัมผัสกับผิวฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการเคลือบฟลูออไรด์เป็นประจำผ่านการแนะนำของแพทย์จะทำให้ช่วยป้องกันฟันผุได้เป็นอย่างดี
ฟลูออไรด์ พบได้ที่ไหน ?
ฟลูออไรด์เป็นเกลือของธาตุฟลูออรีน แหล่งที่สามารถพบเจอฟลูออไรด์ได้บ่อย มีดังต่อไปนี้
- ฟลูออไรด์ที่พบได้เองตามธรรมชาติ ทั้งในน้ำ อากาศ หินแร่ ดิน และสามารถพบได้ในอาหารบางชนิด อาทิ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล พืชผักบางชนิด เป็นต้น
- ฟลูออไรด์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ทางทันตกรรมรูปแบบต่างๆ อาทิ ยาเม็ดฟลูออไรด์ นมฟลูออไรด์ ยาน้ำวิตามินซี แต่เป็นสิ่งที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนำมาใช้ทุกครั้งเพื่อที่จะกำหนดปริมาณของการรับประทานที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบของยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป
ใครบ้างควรเคลือบฟลูออไรด์ป้องกันผิวหน้าฟัน
สำหรับคำถามว่าใครบ้างที่ควรเข้ารับการเคลือบเครื่องฟลูออไรด์ ? ซึ่งการเคลือบฟลูออไรด์จะมีความเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก ดังนี้
- ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีประวัติของฟันผุ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม
- เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เพราะมีความเสี่ยงที่จะมีฟันผุมากกว่าผู้ใหญ่เนื่องจากเด็กเล็กเป็นวัยที่แปรงฟันยาก ทำความสะอาดช่องปากได้ไม่ทั่วถึง โดยมักจะนิยมเคลือบฟลูออไรด์หลังจากอายุ 3 ปีเป็นต้นไปเพื่อป้องกันการกลืนฟลูออไรด์ เข้าไปสู่ร่างกาย
- ผู้ที่มีการรับประทานยาที่มีฤทธิ์การยับยั้งการหลั่งของน้ำลาย
- สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่อาจจะแปรงฟันได้ไม่สะอาด ก็สามารถที่จะเคลือบฟลูออไรด์ได้เช่นเดียวกัน
- เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารระหว่างมื้อ เนื่องจากหากรับประทานอาหารบ่อย น้ำลายน้อย แต่มีอาหารอยู่ในช่องปาก ฟันอาจจะอยู่ในสภาพที่เป็นกรดนาน จึงอาจจะมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดฟันผุ
เคลือบฟลูออไรด์ มีกี่ประเภท ?
ในการเคลือบฟันด้วยฟลูออไรด์จะมีประเภทของการเคลือบฟลูออไรด์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทดังต่อไปนี้
- เคลือบฟลูออไรด์ แบบเจล : สำหรับคนที่มีอายุ 6 ปีเป็นต้นไป โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งทางทีมทันตแพทย์จะมีการเลือกขนาดของถาดเคลือบให้มีความเหมาะสมกับอายุ หลังจากนั้นจะมีการบีบเจลฟลูออไรด์ลงไปในถาดเคลือบพร้อมกับให้กัดไว้ประมาณ 4 นาทีแล้วแต่ประเภทของฟลูออไรด์ซึ่งจะมีเครื่องดูดน้ำลายที่ใส่ไว้ในปากตลอดเวลาขณะทำเพื่อป้องกันไม่ให้กลืนฟลูออไรด์ส่วนเกินลงไป
- เคลือบฟลูออไรด์ แบบวานิช : สำหรับคนที่มีอายุน้อยกว่า 6 ปี ทางทีมทันตแพทย์จะแนะนำให้ขัดฟันให้สะอาดและจะต้องเช็ดฟันให้แห้งจากนั้นจะมีการใช้ Cotton bud หรือแปลงเพื่อที่จะทาลงบนผิวฟันซึ่งทางทีมทันตแพทย์จะมีการทาลงบนฟันทุกซี่และทุกด้าน ซึ่งจะเน้นเป็นพิเศษบริเวณที่เริ่มมีรอยฟันผุ
ขั้นตอนของการเคลือบฟลูออไรด์ที่มีความเหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย
สำหรับขั้นตอนของการเคลือบฟลูออไรด์สามารถที่จะเคลือบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทางทีมทันตแพทย์จะมีการเคลือบฟลูออไรด์หลังจากที่คนไข้ได้รับการขูดหินปูนมาแล้วเพื่อที่จะทำให้การดูแลรักษาฟันได้อย่างครบวงจร ซึ่งขั้นตอนของการเคลือบฟลูออไรด์จะประกอบไปด้วย
- ขั้นตอนแรกเริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดช่องปากให้เรียบร้อย
- สำหรับกรณีที่มีคราบหินปูนติดอยู่ ทางทีมทันตแพทย์จะมีการแนะนำให้คนไข้ไปขูดหินปูนและขัดฟันให้เรียบร้อยเสียก่อน
- หลังจากนั้นทางทีมทันตแพทย์จะเลือกการใช้ฟลูออไรด์เพื่อที่จะเคลือบฟันให้เหมาะสมกับช่วงวัย อาทิ สำหรับผู้ที่มีอายุ 6 ปีเป็นต้นไปจะมีการเคลือบฟลูออไรด์ด้วยฟลูออไรด์แบบเจล ซึ่งจะมีการใส่เจลในถาดครอบฟันบนและครอบฟันล่าง หลังจากนั้นให้คนไข้กัดไว้เป็นเวลา 4 นาทีด้วยกัน หรือสำหรับเด็กเล็กจะมีการใช้วิธีการเคลือบฟันฟลูออไรด์วานิช ซึ่งจะเป็นวิธีการเคลือบฟลูออไรด์แบบทา มีการทาทิ้งไว้บนผิวฟันบาง ๆ 1 คืน
การเคลือบฟลูออไรด์ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
- เสริมสร้างความแข็งแรง : การเคลือบฟลูออไรด์จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับชั้นเคลือบฟัน ส่งผลให้ฟันมีความทนทานต่อการกัดกร่อน และช่วยลดอาการฟันผุได้ดียิ่งขึ้น
- ลดจำนวนเชื้อที่เป็นสาเหตุฟันผุ : สำหรับการเคลือบฟลูออไรด์จะเป็นตัวช่วยลดจำนวนและเชื้อชนิดต่างๆ ที่จะเป็นสาเหตุของฟันผุ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุได้เป็นอย่างดี
- ค่าใช้จ่ายไม่สูงจนเกินไป : การเคลือบฟันฟลูออไรด์จะช่วยให้ฟันที่เสียหายกลับมาแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการรักษาทางทันตกรรมที่มีค่าใช้จ่ายสูง เสมือนว่าป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาแก้ทีหลัง อย่างเช่น หากฟันผุจำเป็นต้องอุดฟัน แต่ถ้าเคลือบฟันฟลูออไรด์จะช่วยลดฟันผุได้ จึงทำให้โอกาสในการอุดฟันมีน้อยลง
- ป้องกันการกัดกร่อนจากการรับประทานอาหาร : สำหรับการเคลือบฟลูออไรด์สามารถช่วยป้องกันฟันจากการกัดกร่อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการบริโภคอาหาร และการรับประทานเครื่องดื่มที่มีกรดออกซิไดซ์ อาทิ น้ำส้ม น้ำมะนาว หรือจำพวกเครื่องดื่มที่สามารถกัดกร่อนฟันได้
- ป้องกันฟันผุในเด็กได้ดี : สำหรับการเคลือบฟลูออไรด์เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถช่วยป้องกันฟันผุในเด็กได้อีกด้วย ซึ่งวัยเด็กส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถที่จะทำความสะอาดได้เอง การใช้เจลหรือใช้ยาสีฟันที่ครอบฟลูออไรด์ก็จะช่วยป้องกันฟันในเด็กได้เป็นอย่างดี
เคลือบฟลูออไรด์ เจ็บไหม และใช้เวลากี่นาที
สำหรับวิธีการเคลือบฟลูออไรด์ไม่เจ็บ และจะใช้เวลาประมาณ 4 นาทีสำหรับการเคลือบฟลูออไรด์ลงบนผิวฟัน จากนั้นจะมีการใช้เครื่องมือดูดเอาฟลูออไรด์ที่ตกค้างออก ถือว่าเป็นขั้นตอนที่รวดเร็วเหมาะสำหรับเด็กที่จำเป็นต้องเคลือบฟลูออไรด์เป็นอย่างมาก
เคลือบ ฟลูออไรด์ บ่อยแค่ไหน
เคลือบฟลูออไรด์ได้บ่อยแค่ไหน สำหรับบุคคลทั่วไปสามารถทำได้ทุกๆ 6 เดือน แต่สำหรับผู้ที่มีฟันผุมาก ๆ แนะนำให้เข้าเคลือบฟลูออไรด์ทุกๆ 3 เดือน ทั้งนี้การเคลือบฟลูออไรด์จะต้องผ่านการตรวจสุขภาพฟันกับทางทันตแพทย์เสียก่อน ถ้าหากเป็นวัยเด็กทางทันตแพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้เคลือบ แต่สำหรับวัยผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพฟันที่ดีอยู่แล้ว อาจไม่จำเป็นที่จะต้องเคลือบฟลูออไรด์ก็ได้ ในส่วนของผู้สูงอายุขอแนะนำช่วงเวลาเดียวกับเด็ก นั่นก็คือ 6 เดือน แต่ถ้ามีฟันผุมากๆ แนะนำว่าเคลือบฟลูออไรด์ทุกๆ 3 เดือนจะเป็นการดีที่สุด
สรุป
สำหรับวิธีของการเคลือบฟลูออไรด์เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลสุขภาพฟันให้มีความแข็งแรงสามารถทำได้ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ซึ่งการเคลือบฟลูออไรด์มีประโยชน์ คือ จะเป็นเกราะที่สามารถป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ช่วยทำให้ฟันมีความแข็งแรงและสามารถช่วยป้องกันการเกิดฟันผุได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีของการเคลือบฟลูออไรด์จากทางทีมทันตแพทย์โดยตรงถือได้ว่าเป็นวิธีที่มีความสะดวก รวดเร็ว มีความปลอดภัยสูง ใช้ระยะเวลาการทำไม่นาน และมีราคาที่ไม่สูง รับรองว่าคุ้มค่าต่อสุขภาพปากและฟันอย่างแน่นอน เมื่อได้มีการเคลือบฟลูออไรด์การ ขูดหินปูน ก็สำคัญไม่ใช่น้อย