- PHILIPS ZOOM! Whitening -
ในยุคปัจจุบันอาหารที่มีให้เลือกทานมักเป็นอาการที่มีสีสันค่อนข้างสูง อาทิ กาแฟ, น้ำชา, ช็อคโกแลต, เย็นตาโฟ ตลอดจนขนมขบเคี้ยวที่มีสีสันหลากหลาย ล้วนเป็นสิ่งที่มีผลทำให้ฟันเปลี่ยนสี กลายเป็นสีที่มีลักษณะคล้ำหรือกลายเป็นสีเหลืองได้ แน่นอนเลยว่าเป็นสิ่งที่ส่งผลให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่มีความมั่นใจขณะหัวเราะ หรือเวลายิ้ม หรือแม้กระทั่งในเวลาสนทนากับบุคคลอื่นๆ ฟอกสีฟัน คือคำตอบที่อาจแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้
ฉะนั้นแล้วนวัตกรรมรูปแบบใหม่อย่าง ฟอกสีฟัน ZOOM จึงกลายเป็นทางออกที่สามารถช่วยทุกปัญหาฟันไม่ขาวได้อย่างหมดจด ซึ่งนวัตกรรมนี้เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมสุดพิเศษที่มาพร้อมกับความแตกต่าง เพราะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาผ่านการฟอกสีฟัน โดยจะมีการใช้เครื่องฉายแสง LED Blue light รวมถึงสารฟอกสีฟันที่มีความปลอดภัยสูง เพื่อที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยปรับความสว่างของสีฟันให้ฟันดูมีความขาวกระจ่างสดใสขึ้นแลดูสุขภาพดีขึ้น แล้วสำหรับท่านใดที่กำลังพบเจอกับปัญหาฟันไม่ขาว ฟันเหลือง หรือมีสีฟันคล้ำ ต้องไม่พลาดการไขข้อสงสัยเกี่ยวกับนวัตกรรม ZOOM ฉบับรู้ลึก รู้จริง เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจกันเลยดีกว่า

สรุปหัวข้อสำคัญ ฟอกสีฟัน Philips ZOOM
ตามมาทำความรู้จักฉบับรู้ลึกกับการ ฟอกสีฟัน ด้วย ZOOM นั้นคืออะไร?
สำหรับใครหลายคนที่กำลังประสบพบเจอกับปัญหาสีฟันคล้ำ ฟันไม่ขาวกระจ่าง ฟันเหลืองมากจนดูไม่มั่นใจ แน่นอนเลยว่าการฟอกสีฟันที่ตอบโจทย์ทุกท่านมากที่สุดและกำลังได้รับความนิยมสูงก็คงหนีไม่พ้นไปจาก PHILIPS ZOOM! จึงทำให้หลายคนมีความสงสัยเกี่ยวกับการฟอกสีฟัน ZOOM เข้ามา ซึ่ง ZOOM คือ นวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อการฟอกสีฟันโดยเฉพาะ เพื่อแก้ไขปัญหาสีฟันหมองคล้ำ ปัญหาฟันเหลือง/ติดสี ที่เกิดจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ให้มีความขาว-สว่างมากขึ้น ถึง 8 ระดับ ในเวลาเพียง 45 นาที และระบบ ZOOM ยังมี ACP Gel ที่ช่วยเรื่องลดการเสียวฟันอันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะที่มีในระบบ PHILIPS ZOOM! เท่านั้น
นอกจากนี้ ZOOM ยังมาพร้อมกับลักษณะของการทำงานที่มีความทันสมัย โดยจะใช้งานควบคู่กับน้ำยาฟอกสีฟันที่มีส่วนผสมของโฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ บวกกับคลื่นพลังงานเเสงอย่าง Advanced blue LED Light-accelerated technology ซึ่งเป็นเครื่องที่สามารถปรับระดับความเข้มข้นของเเสงได้มากถึง 3 ระดับ จึงส่งผลให้ การฟอกสีฟันระบบ ZOOM สามารถเคลือบลงไปถึงเนื้อฟัน เพื่อขจัดคราบที่เกิดขึ้นจากการรับประทานอาหารต่างๆ จนเกิดความหมองคล้ำ ไม่ให้เข้าไปฝั่งเเน่นอยู่บนเนื้อฟันเป็นเวลานาน นอกจากจะคงผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีความปลอดภัยต่อชั้นผิวเคลือบฟันธรรมชาติและไม่ทำให้เนื้อฟันของเราบางลงอีกด้วย

ตามมาไขข้อสงสัย ฟันสีหมองคล้ำ ฟันไม่ขาว เกิดเนื่องมาจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ฟันสีขาวเปลี่ยนเป็นฟันที่มีความหมองคล้ำ สามารถแบ่งออกได้ด้วยหลายสาเหตุหลายประการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุภายนอกหรือสาเหตุภายใน ซึ่งจะประกอบไปด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้ ตามไปดูกันเลย
- สาเหตุภายใน : ฟันสีหมองคล้ำที่เกิดขึ้นจากสาเหตุภายใน อาจจะเกิดเนื่องขึ้นจากโครงสร้างของตัวฟันเอง อาทิ ชั้นผิวที่ได้มีการเคลือบฟันที่มีสีขาวอาจจะมีลักษณะสีบางลง ซึ่งอาจจะเกิดเนื่องมาจากช่วงอายุที่มากขึ้น รวมถึงลักษณะการใช้งานที่ยาวนานจนส่งผลให้ฟันมีการสึกกร่อน ด้วยเหตุผลที่เกิดขึ้นจากทางภายในไม่ว่าจะเป็นอายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือการใช้งานฟันในระยะเวลานานๆ อาจจะส่งผลให้ไม่สามารถที่จะมาปกปิดฟันที่มีลักษณะสีเหลืองหรือมีสีคล้ำได้ จนส่งผลให้ฟันมีลักษณะดูสีเหลืองเข้มมากขึ้น แม้จะทำความสะอาดดีสักเพียงใดก็ตาม เพราะเนื้อฟันจริงๆ ของเราได้เป็นสีเหลืองไปแล้ว
- สาเหตุภายนอก : สำหรับสาเหตุภายนอกที่เป็นตัวทำให้ฟันเกิดสีเหลืองคล้ำ เรียกได้ว่าเป็นลักษณะที่เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารของทุกท่าน ซึ่งแน่นอนเลยว่าสาเหตุจากภายนอกเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายคนเกิดปัญหาฟันสีหมองคล้ำกันบ่อยมากๆ ซึ่งจะเกิดเนื่องมาจากคราบของสีอาหารที่เราได้มีการรับประทานเข้าไป รวมไปถึงเครื่องดื่มหรือการสูบบุหรี่ หากใครที่มีการสูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ หรือรับประทานอาหารที่มีสีสันต่างๆ เป็นระยะเวลานานๆ ติดต่อกัน ก็จะส่งผลให้คราบไปสะสมบริเวณบนผิวฟันจนเกิดเป็นปัญหาฟันมีสีหมองคล้ำขึ้นมา
นวัตกรรมการฟอกสีฟัน ZOOM มาพร้อมกับประโยชน์อย่างไรบ้าง
เมื่อเอ่ยถึงประโยชน์ของนวัตกรรมการฟอกสีฟัน ZOOM หลายคนก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นนวัตกรรมที่ได้มีการจัดขึ้นมาเพื่อที่จะขจัดทุกปัญหาสีฟันไม่ขาวกระจ่างสดใส นอกจากนี้แล้วหลังทำยังสามารถที่จะเห็นผลลัพธ์ได้เลยทันที ใช้ระยะเวลาไม่นานแค่เพียง 45 นาที เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ทุกคนที่มีปัญหาฟันไม่ขาวสุดๆ สามารถทำได้แบบรวดเร็วทันใจ ซึ่งจะมีแสง LED Blue light ที่จะเป็นตัวช่วยระบบการทำงานของ ZOOM ให้เสร็จในระยะเวลาที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น สามารถลดความกังวลเกี่ยวกับปัญหาของการเสียวฟันหลังจากการฟอกสีฟันเหมือนกับวิธีอื่นๆ ไปได้เลย พร้อมทั้งนวัตกรรมดังกล่าวยังมีความสะดวกสบายมากขึ้น ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ถาดฟอกฟันเพื่อที่จะฟอกสีฟันตอนนอน ซึ่งสำหรับใครที่ได้ลิ้มลองถึงนวัตกรรมนี้แล้วรับรองว่าจะต้องติดใจอย่างแน่นอน เพราะเป็นนวัตกรรมฟอกสีฟันขาวที่มีความคุ้มค่ามากๆ ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มค่าทั้งทางด้านราคา และความคุ้มค่าทางด้านระยะเวลาที่รวดเร็วทันใจไม่ต้องใช้เวลานาน รวมถึงเป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูงอีกด้วย

ฟอกสีฟัน ระบบ ZOOM แตกต่างอย่างไร
ฟอกสีฟันอย่างนุ่มนวล และสีสันสม่ำเสมอ ลงลึกได้ถึงชั้นเนื้อฟันด้านใน พร้อมสารลิขสิทธิ์ Relief ACP Gel ปกป้องเคลือบฟัน ฟันแลดูเงางาม และลดอาการเสียวฟันหลังจากทำการฟอกสีฟัน
ข้อควรทราบก่อนที่จะเข้ารับการฟอกสีฟัน ด้วยนวัตกรรม ZOOM
สำหรับใครที่มีความสนใจ ต้องการที่จะเข้ารักษาปัญหาฟันสีคล้ำ ให้มีความขาวสว่างสดใสมากยิ่งขึ้น ด้วยนวัตกรรม ZOOM สิ่งที่ควรทราบเป็นอันดับแรกเลยก็คือ ผู้เข้ารับบริการฟอกสีฟันจะต้องงดการสูบบุหรี่ก่อนที่จะเข้ารับรักษา เนื่องด้วยควันบุหรี่ที่สูบเข้าไปจะเป็นตัวทำลายเนื้อเยื่ออ่อนของฟันได้ และการสูบบุหรี่ก็อาจจะเข้าไปเป็นอุปสรรคในการฟอกสีฟันเพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุดอีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงควรงดก่อนเข้ารับการฟอกฟันโดยเด็ดขาด และควรงดหลังทำด้วยจึงจะดีที่สุด เพื่อให้ประสิทธิภาพในการฟอกฟันอยู่ได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้นไปอีก
ฟอกสีฟันด้วยนวัตกรรม ZOOM เหมาะสำหรับใครบ้าง?
- นวัตกรรม ZOOM ตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยากหนีห่างจากปัญหาฟันสีคล้ำ สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างหมดจดภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว หลังฟอกสีฟันขาวก็จะได้เห็นผลลัพธ์ในทันทีทันใด
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความมั่นใจขณะยิ้ม เนื่องด้วยสีของฟันมีลักษณะที่หมองคล้ำหรือดูเหลืองจนเกินไป จึงส่งผลให้ขาดความมั่นใจในตนเอง ไม่ชื่นชอบรอยยิ้มของตนเองและไม่ค่อยยิ้มกว้างเห็นฟัน
- ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่กินยาปฏิชีวนะบางชนิดเป็นระยะเวลาหนึ่งจนส่งผลให้ฟันมีลักษณะเป็นสีเหลืองคล้ำ และอยากที่จะปรับสีของเนื้อฟันให้ดูมีความขาวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้นอีกครั้ง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการใช้รอยยิ้มเป็นส่วนใหญ่ และจำเป็นที่จะต้องใช้บุคลิกภาพหรือภาพลักษณ์ที่ดีเป็นประจำเสมอ ซึ่งมีความจำเป็นสูงที่จะต้องเสริมความงามและสุขภาพให้กับฟันอยู่เสมอ เพราะเมื่อผู้คนมองมาที่ใบหน้าของเราในเวลาที่ได้สนทนากันนั้น ฟันก็เป็นหนึ่งในจุดสังเกตแรกๆ ที่หลายคนจะมองมาอยู่เสมอ อาทิ อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน อาชีพฝ่ายประชาสัมพันธ์ในห้างสรรพสินค้า อาชีพดารา อาชีพศิลปินนักร้อง และอาชีพนักแสดง เป็นต้น
- ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาสีฟันแบบระยะเวลาชั่วคราว และจะต้องมีเวลาในการที่จะกลับมาทำการฟอกสีฟันซ้ำเพิ่มเติมเมื่อสีของฟันเริ่มกลับไปเหลืองขึ้นอีกในอนาคต
ZOOM ไม่เหมาะสมสำหรับใครบ้าง?
หลายท่านก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว แม้ว่านวัตกรรมฟอกสีฟันขาวอย่าง PHILIPS ZOOM! อาจจะมาพร้อมกับข้อดีมากมายก็จริง แต่กระบวนการของการฟอกสีฟัน ก็ไม่ได้มีความเหมาะสมกับทุกคนเสมอไป ฉะนั้นแล้วหากใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเงื่อนไขว่าบุคคลใดที่ไม่สมควรเข้ารับการฟอกสีฟันด้วย ZOOM บ้าง สามารถอ้างอิงตามบทความดังต่อไปนี้ เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกท่านได้ใช้ประกอบการตัดสินใจและเข้าไปรับคำแนะนำกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี สำหรับการฟอกสีฟัน ZOOM แนะนำให้เริ่มฟอกตั้งแต่อายุ 16 ปีเป็นต้นไป เพราะเด็กที่อยู่ในช่วงอายุไม่เกิน 16 ปี ถือว่าเป็นช่วงที่ยังอยู่ในวัยที่เส้นประสาทของฟันยังไม่มีความแข็งแรงพอที่จะใช้นวัตกรรมดังกล่าว และอาจจะทำให้เด็กรู้สึกเสียวฟันระหว่างทำการฟอกสีฟันได้นั่นเอง
- ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่กำลังประสบพบเจอกับปัญหาความผิดปกติหรือผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับโรคฟัน เช่น โรคเหงือกอักเสบ โรคฟันผุ โรคเกี่ยวกับรากฟัน หากใครกำลังพบเจอกับปัญหาดังกล่าว แต่ต้องการฟอกสีฟัน ข้อแนะนำก็คือควรรักษาปัญหาฟันเหล่านั้นให้หายดีเสียก่อนจึงค่อยทำการฟอกสีฟัน
- ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่กำลังประสบพบเจอกับปัญหาความผิดปกติหรือผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับโรคฟัน โรคเหงือกอักเสบ โรคฟันผุ โรคเกี่ยวกับรากฟัน หากใครกำลังพบเจอกับปัญหาดังกล่าวแต่ต้องการฟอกสีฟัน ข้อแนะนำก็คือควรรักษาปัญหาฟันเหล่านั้นให้หายดีเสียก่อนจึงค่อยทำการฟอกสีฟัน
- สำหรับผู้ที่กำลัง รักษารากฟัน กำลังทำ ครอบฟัน หรือกำลังทำวีเนียร์ แม้ว่าสามารถรับบริการฟอกสีฟันได้ก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากรับบริการฟอกสีฟัน ซึ่งผลของการเปลี่ยนแปลงอาจจะไม่ได้รับความพึงพอใจเท่าที่ควร เนื่องจากนวัตกรรมฟอกสีฟันจะตอบโจทย์สำหรับการฟอกสีฟันของฟันธรรมชาติเท่านั้น หากบูรณะฟันหรือมีอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งไว้บริเวณฟันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หรืออาจจะมีความสว่างขึ้น แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- ไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ติดเครื่องดื่มชา กาแฟ น้ำหวาน ที่มีสีสันหลากหลาย หรือผู้ที่ชื่นชอบรับประทานอาหารรสชาติจัดๆ มีสีสันจัดจ้านเป็นประจำ และไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารหรือเครื่องดื่มของตัวเองได้ แม้ว่าการฟอกสีฟันจะเห็นผลลัพธ์ก็จริงแต่ก็อาจจะไม่คุ้มค่ากับเงินที่ได้เสียไป เพราะถ้าหากหลังจากรับบริการฟอกสีฟันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารเหมือนเดิม
- ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันหมองคล้ำที่มีลักษณะสีเข้มมากๆ เพราะอาจจะทำให้การฟอกสีฟันที่ทำไปนั้นไม่ได้ผลลัพธ์เท่าที่ควร ซึ่งอาจจะต้องมีการพึ่งพาการทำวีเนียร์เพิ่มเติมเข้าไป เพื่อให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงของสีฟันที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการ ฟอกสีฟัน ด้วยนวัตกรรม ZOOM มีขั้นตอนอะไรบ้าง
สำหรับขั้นตอนของการฟอกสีฟันขาวด้วย ZOOM! ที่แสนรวดเร็วทันใจนั้น มาพร้อมกับขั้นตอนแค่เพียง 4 ขั้นตอนเท่านั้น ดังต่อไปนี้
- ขั้นตอนแรก ก่อนที่จะเริ่มทำการฟอกสีฟัน ทางเจ้าหน้าที่จะมีการป้องกันเหงือก ป้องกันริมฝีปาก และป้องกันแก้มของทุกท่าน ซึ่งจะเปิดไว้เฉพาะแค่เพียงผิวหน้าของฟันที่ต้องทำการฟอกสีฟันแค่เพียงอย่างเดียว
- ขั้นตอนที่ 2 ทาเจลฟอกสีฟัน ZOOM ซึ่งจะเป็นตัวที่เข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของแสงLED ซึ่งจะเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทาง ZOOM เพียงเท่านั้น พร้อมกับความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเจลและแสงจะทำงานร่วมกัน เพื่อเข้าไปทำปฏิกิริยากับคราบสีและตัวเนื้อฟัน จะส่งผลทำให้ฟันขาวขึ้น
- หลังจากนั้นระหว่างรอเวลาสำหรับการฟอกสีฟันก็สามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ ซึ่งระยะเวลาของการฟอกสีฟันจะใช้แค่เพียง 45 นาที หรือประมาณ 15 นาที จำนวน 2 – 3 รอบ ซึ่งถือว่ามีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก
- ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อครบเวลาตามที่กำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางทันตแพทย์จะนำอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ ออกและให้ทุกท่านทำการกลั้วปากด้วยน้ำเปล่าและล้างฟันให้มีความสะอาด เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนของการฟอกสีฟันขาวด้วยนวัตกรรม PHILIPS ZOOM! จากนั้นทุกท่านก็จะได้ชมผลลัพธ์ของการฟอกสีฟันที่ดูขาวสว่างอย่างเป็นธรรมชาติ

ข้อปฏิบัติตัวหลังจากที่ได้รับการเข้า ฟอกสีฟัน ด้วย ZOOM
แน่นอนเลยว่าการที่จะคงประสิทธิภาพฟันให้ขาวหลังจากที่ได้รับการฟอกสีฟันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเลือกรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากๆ หากต้องการให้สีฟันยังคงมีความขาวอย่างยาวนาน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีสันจัดจ้านเช่น ชา กาเเฟ รวมไปถึงการสูบบุหรี่ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้อาจจะก่อให้เกิดคราบบนสีฟัน ควรงดทุกสิ่งทุกอย่างอย่างน้อยเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ พร้อมทั้งจะต้องหมั่นดูแลทำความสะอาดฟันด้วยการแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งต่อวัน หากสามารถแปรงฟันหลังรับประทานอาหารได้ทุกครั้งก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีมากๆ
นอกจากทำความสะอาดด้วยการแปรงฟันแล้ว ก็ควรทำความสะอาดด้วยไหมขัดฟันควบคู่ไปด้วยอย่างน้อย1-2 ครั้งต่อวัน พร้อมทั้งบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่ได้มีการผสมสารประกอบฟลูออไรด์ก่อนนอนทุกวัน ด้วยวิธีการกลั้วน้ำยาและอมไว้ในปากอย่างน้อย 1 นาที/ครั้ง หลังจากบ้วนปากแล้วยังไม่ควรรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำตามภายใน 30 นาที นอกจากนี้สิ่งที่มีความสำคัญมากๆ คือ ควรพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอทุก 6 เดือน เพื่อที่จะทำการขัดฟัน และขูดหินปูนที่สะสมอยู่ระหว่างเหงือกและตัวฟันของเรา
ฟอกสีฟัน ด้วยนวัตกรรม ZOOM กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
สำหรับการฟอกสีฟันด้วยนวัตกรรม ZOOM หลังจากทำการฟอกเป็นที่เรียบร้อยทุกท่านจะเห็นผลลัพธ์ที่มีความชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยทันที ซึ่งหลังจากทางทันตแพทย์ได้มีการยิงพลังงานแสง LED Blue light ลงไปสู่บริเวณเนื้อฟันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางฝั่งผู้รับบริการก็จะสามารถสังเกตเห็นได้ถึงผลลัพธ์ของความสว่างสดใส และสีฟันที่มีความขาวขึ้นแลดูเป็นธรรมชาติได้เลยในทันที
แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าผลลัพธ์หลังจากการฟอกสีฟันด้วยนวัตกรรม ZOOM จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่ ก็ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสภาพฟันเดิมของผู้รับบริการ ฉะนั้นแล้วสำหรับใครก็ตามที่มีความสนใจอยากฟอกฟันขาวด้วยนวัตกรรม PHILIPS ZOOM! เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่พึงพอใจควรเข้ารับการปรึกษากับทันตแพทย์ผู้ให้บริการทุกครั้ง เพราะแต่ละเคสก็จะมีลักษณะการรักษาที่มีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละกรณี

คำถามสุดยอดฮิตการ ฟอกสีฟัน PHILIPS ZOOM เจ็บไหม?
สำหรับนวัตกรรมรูปแบบใหม่อย่าง PHILIPS ZOOM! ซึ่งจะเป็นการฟอกสีฟันที่ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บแต่อย่างใด แต่อาจจะส่งผลให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกเสียวฟันบ้างเมื่อถึงกระบวนการทำงานของการยิงพลังงานแสงลงไปสู่บริเวณน้ำยาฟอกสีฟันที่บริเวณเนื้อฟัน และอาจจะส่งผลให้ผู้เข้ารับบริการยังรู้สึกเสียวฟันหลังจากเข้ารับบริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หลังจากนั้นอาการก็จะค่อยๆ ทุเลาลง ไร้ความกังวลใจไปได้เลยโดยเพียงแค่ 1-2 วันก็จะกลับมาเป็นปกติ
หลังจากทำการ ฟอกสีฟัน ZOOM สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไร
เมื่อได้ทำการฟอกสีฟันด้วย ZOOM เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 6 เดือนหรือ 1 ปีกันเลยทีเดียว หรือผู้เข้ารับบริการบางรายก็อาจจะคงผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 3 ปี ฉะนั้นแล้วการที่จะคงผลลัพธ์อยู่ได้อย่างยาวนานก็ล้วนขึ้นอยู่กับความคงทนของสีฟัน ร่วมกับวิธีการดูแลตนเองหลังจากได้รับการฟอกสีฟันด้วย แน่นอนเลยว่าหากใครที่ทำดูแลรักษาความสะอาดภายในช่องปากได้เป็นอย่างดี รวมถึงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมใดๆ ก็ตาม เช่นการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีสันหรือมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่จัด หากงดทำได้ ก็สามารถช่วยป้องกันไม่ให้ฟันกลับไปเป็นสีหมองคล้ำหรือเหลืองเร็วขึ้นได้อย่างแน่นอน
สรุป
ใครที่กำลังพบเจอปัญหาสีฟันหมองคล้ำ สีฟันเหลืองมากเกินไป หรือรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในขณะยิ้ม หรือเวลาพบปะพูดคุยกับผู้อื่น แน่นอนว่าตัวช่วยที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นไปจากการฟอกสีฟัน ด้วยนวัตกรรม PHILIPS ZOOM! ที่มีความทันสมัยสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด พร้อมทั้งเป็นวิธีการฟอกสีฟันที่สะดวกรวดเร็วทันใจ สามารถทำนายผลลัพธ์ได้ดีและประสิทธิภาพของความขาวได้อย่างยาวนาน ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาพักฟื้นเป็นเวลานาน แม้จะมีอาการเสียวฟันแค่เพียงเล็กน้อยแต่หลังจากนั้นอาการเสียวฟันดังกล่าวก็จะค่อยๆ หายไปได้เองภายในเวลา 1-2 วัน นอกจากนี้แล้ว ZOOM ก็ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงหรือส่งผลเสียต่อโครงสร้างของเนื้อฟันอย่างแน่นอน รับรองว่าถ้าหากใครได้ลองเข้ามาสัมผัสถึงประสบการณ์การฟอกฟันจากนวัตกรรม PHILIPS ZOOM! นี้ จะต้องติดใจอย่างแน่นอน